วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โจฮันน์ กูเตนเบอร์ก (Johann Gutenberg)

Johann Gutenberg

ผู้ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์สำเร็จเป็นคนแรก  เกิดที่เมืองเมนซ์ (Mainzประเทศเยอรมนี ในตระกูลนาง 
ค.ศ. 1455 เครื่องพิมพ์กูเตนเบิร์กพิมพ์พระคัมภีร์ไบเบิลออกมาราว 800 เล่ม เป็นที่รู้จักกันในชื่อ   ไบเบิ้ลของกูเตนเบิร์ก” (The Gutenburg Bible) จากผลงานครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งจากสังฆราชเมืองไมนซ์ให้เป็นมหาดเล็ก และได้รับเงินบำนาญอีกด้วย
ต่อมาปี ค.ศ. 1475 วิลเลียม แคกซ์ตัน (William Caxton) ช่างพิมพ์ชาวอังกฤษ ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์เพื่อตีพิมพ์หนังสือ Recuyell of the Histoyes of Troye นับเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกของโลก



ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน
ผลเสีย รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่มันเหมือนๆดาบสองคม เพราะด้านดีก็ทำให้คนมีความรู้ในหนังสือต่างๆ แล้วอาจจะมาพร้อมกับผลเสียเช่น หนังสือ สื่อลามก สื่อคอมมิวนิสต์ หรือหนังสือต่อต้านในหลายๆอย่าง เพราะเหตุนี่ผมเลยคิดว่าไม่เป็นผลดี  เพราะหนังสืออาจจะอยู่กลับเราไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานก็ได้ แล้วถ้าลูกๆหลานๆเราได้มาเห็นหนังสือที่ไม่ดี หนังสือที่ไม่ดี ก็อาจจะทำให้เป็นคนคิดต่าง หรือความคิดไม่เหมือนคนอื้นก็ได้








วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชีวิตน้องใหม่


ชีวิตเด็กใหม่
      ชีวิตเด็กใหม่ในรั้วมหาลัยแห่งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมไม่เคยได้เห็น ได้ทำ มาก่อน ชีวิตเด็กใหม่ในมหาลัยแตกต่างจากชีวิตมัธยมมากจนแทบไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยก็ว่าได้
            ชีวิตวัยมัธยมของผมก็คือตอนเช้าตื่นนอน ไปโรงเรียน เข้าแถว เคารพธงชาติ เข้าห้องเรียน พบคุณครูก่อนจะเริ่มเรียนวิชาที่หนึ่ง เรียนแค่วิชาละ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น และชีวิตมัธยมจะต้องเรียนทั้งวันตั้งแต่ 8 โมงไปจนถึง 4 โมงเย็น ทุกวันจันทร์-ศุกร์และมีให้หยุดพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ มีการบ้านให้ทำแทบจะทุกวิชา และเวลาที่ไม่ส่งงาน ส่งงานไม่ครบ หรือส่งงานช้าก็มักจะมีอาจารย์คอยตามทวงงานตลอดจนส่งครบทุกงาน ทุกวิชา ซึ่งแตกต่างจากชีวิตเด็กมหาลัยโดยสิ้นเชิง ชีวิตในมหาลัยตอนปี 1 มีกิจกรรมมากมายที่จะต้องทำ เช่น รับน้อง ซ้อมบูม และกิจกรรมอีกมากมายที่ในชีวิตมัธยมไม่เคยจะได้ทำ และในเรื่องการเรียนด้วยนั้น ชีวิตมัธยมเรียนทั้งวัน แต่ในมหาลัย บางวันมีเรียน บางวันไม่มีเรียนเลย วันที่มีเรียนก็เรียนแค่ หนึ่งวิชา หรือ สองวิชาเท่านั้น วิชาละ  2-3 ชั่วโมง และในมหาลัยนั้นก็จะต้องเลือกลงวิชาในเทอมต่อๆ ไปด้วยตัวเอง เวลาที่ส่งงานไม่ครบก็ไม่มีใครมาคอยตามว่าจะต้องส่งงานนั้นนะ งานนี้นะ การเรียนหรือการทำกิจกรรมต่างๆ ของมหาลัยทำให้ผมต้องปรับตัวอย่างมาก และต้องมีความรับผิดชอบในทุกๆ เรื่องมากขึ้น ตั้งแต่เรื่องการเข้าเรียน ส่งงาน หรืออะไรหลายๆ อย่างที่ผมไม่เคยได้ทำมาก่อนและผมคงจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นอีกต่อไปในอนาคต
            สุดท้ายนี้ผมคิดว่าชีวิตเด็กใหม่ในมหาลัยคงจะมีอะไรสนุกๆ หรือน่าสนใจให้ผมได้ทำ และได้เรียนรู้เพิ่มอีกมากมายซึ่งผมจะตั้งใจทำทุกๆ อย่างที่เข้ามาในชีวิตอย่างเต็มที่และจะนำสิ่งเหล่านี้ไปพัฒนาตนเองต่อไปในอนาคต